การนวดนม
ต้องนวดเต้านมหลังการผ่าตัดเสริมหน้าอกหรือไม่
คำตอบคือ ไม่ต้อง

ไม่เคยมีการวิจัยพิสูจน์ว่าการนวดเต้านมหลังผ่าตัดมีประโยชน์อะไรใด ๆ ทั้งสิ้น
กล่าวคือ ที่เราได้ยินกันบ่อย ๆ ว่า เสริมนมแล้วต้องนวด ล้วนเป็นความเชื่อของผู้แนะนำ ไม่ใช่สิ่งที่พิสูจน์แล้วว่านวดแล้วเป็นผลดีต่อผู้ป่วย เป็นสิ่งที่บอกต่อ ๆ กันมา ทำตาม ๆ กันมา ถ้าเป็นนักวิทยาศาสตร์หรือนักวิชาการจะทราบดีว่า การพิสูจน์ความจริงต้องอาศัยการวิจัย เราไม่สามารถเชื่อถือประสบการณ์ของคนเพียงอย่างเดียว จึงไม่สามารถสรุปได้ว่า ต้องนวด
การวิจัยเป็นวิธีการหาคำตอบสำหรับคำถามทั้งหลายโดยตัดความลำเอียงของมนุษย์ออก โดยตัดปัจจัยต่าง ๆ ที่จะทำให้เกิดความเข้าใจผิด ทั้งยังทดสอบซ้ำ ๆ ในคนหรือสัตว์จำนวนมาก ๆ เพื่อยืนยันผล เช่นถ้าเราเห็นว่ามีคน 20 คน กราบไหว้บนบานต้นไม้ต้นหนึ่ง แล้วถูกหวยถูกล๊อตเตอรี่ เราก็สรุปว่าต้นไม้นี้ศักดิ์สิทธิ์ การกราบไหว้บนบานมีประโยชน์ แบบนี้ถูกต้องหรือไม่

ถ้าจะทำวิจัย เราก็ต้องไปดูปัจจัยต่าง ๆ อย่างเช่น คน 20 คนที่ถูกหวยหลังบนบานต้นไม้ พอตามดูพบว่ามีทั้งหมด 2,000 คนที่ไปบนบานใน 1 เดือนนั้น เท่ากับมีโอกาสถูกหวย 10:1,000 โดยอัตราการถูกหวยตามปกติในช่วง 1 เดือนนั้นมี 90 คน จาก 10,000 คน เท่ากับ 9:1,000 แบบนี้เราจะเชื่อไหมว่าการบนบานต้นไม้ทำให้ถูกหวย

ถ้ายังไม่แน่ใจ ออกแบบการวิจัยเพิ่มเพื่อพิสูจน์ ดูยาวไป 3 เดือน และเอาคนมาทดลองซื้อหวย 2 กลุ่ม กลุ่มนึงกราบไหว้บนบานต้นไม้ต้นนั้น อีกกลุ่มนึงไม่ต้อง โดยวิธีซื้อ ความถี่ในการซื้อ และจำนวนครั้งที่ซื้อในช่วง 3 เดือน ก็ต้องเหมือนกันทุกอย่าง และใช้สูตรคำนวณทางสถิติคำนวณหาจำนวนคนอย่างน้อยที่สุดที่ต้องมีในแต่ละกลุ่ม คือถ้าจำนวนคนในแต่ละกลุ่มไม่มากพอ ผลการทดลองมันจะบอกความแตกต่างไม่ได้ เช่นถ้าอัตราการถูกหวย คือ 10 ต่อ 1,000 ต่อเจ้ามือ 1 คน แล้วเรามีคนมาร่วมทดลองในแต่ละกลุ่มทดลองแค่ 50 คน เท่ากับว่าแต่ละกลุ่มมีโอกาสถูกหวยแค่ 0.5 คน ถ้าแต่ละกลุ่มทดลองมีคน 1,000 คน จะมีโอกาสพบคนถูกหวย 10 คน แบบนี้พอจะแยกความแตกต่างระหว่างผลการถูกหวยในกลุ่มที่มีการบนบานต้นไม้ การวิจัยดังที่ยกตัวอย่างนี้ไม่เคยมีทำกันในมนุษย์ทั้งหลายที่เสริมนมเลย แถมแต่ละที่ แนะนำวิธีนวดไม่เหมือนกันสักที่ บ้างก็ให้นวดเบา ๆ (กลัวซิลิโคนพลิก) บ้างก็ให้นวดแรง ๆ (กลัวซิลิโคนไม่เลื่อน) นวดตั้งแต่วันแรกบ้างตั้งแต่สัปดาห์แรกบ้าง นวดนาน 3 เดือนบ้าง 6 เดือนบ้าง 1 ปีบ้าง โดยไม่มีการวิจัยเปรียบเทียบวิธีนวดอันหลากหลายนี้ด้วย ทั้ง ๆ ที่ความจริงเป็นแบบนี้ ทั้งหมอทั้งคนที่ไม่ใช่หมอก็ยังแนะนำคนไข้ให้นวดกันเป็นแถว
แล้วที่แนะนำกันแทบทุกหมอทุกคลินิกละ ให้นวดไปเพื่ออะไร
การที่มีคนจำนวนมากทำอะไรเหมือน ๆ กันอยู่ ไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่ทำมันเป็นสิ่งที่ถูกต้อง อย่างเราเห็นรถมอเตอร์ไซค์ขับบนทางเท้าหรือขับย้อนศรเต็มเมือง ไม่ได้หมายความว่ามันเป็นสิ่งถูกต้อง หรือมองไปทางไหนก็ฉ้อราษฎร์บังหลวงกันแทบทุกหน่วยงาน แบบนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าควรทำตาม การนวดนมก็เช่นกัน
ตามที่เคยได้ยินได้เห็นมา คนที่แนะนำก็พูดกันหลากหลายมาก แบบที่พูดลอย ๆ ไม่มีเหตุผลประกอบ เช่น นวดเพื่อรักษารูปทรงหน้าอกให้ได้รูปสวย นวดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในภายหลัง นวดเพื่อให้กระชับและดูเป็นธรรมชาติ นวดเพื่อลดหรือป้องกันพังผืด นวดเพื่อให้ไม่แข็ง นวดเพื่อให้หน้าอกขยายตัว นวดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดริ้วรอยต่าง ๆ ขึ้นบนหน้าอก นวดแล้วช่วยลดโอกาสในการเกิดมะเร็งเต้านมได้ด้วย นวดแล้วจะช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือดให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้อวัยวะที่สำคัญอย่างหัวใจปอดทำงานได้ดีขึ้น ซึ่งจะทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงมากขึ้น (ไปกันใหญ่) เราจะไม่พูดถึง มันเชื่อถือไม่ได้ แบบที่มีรายละเอียดก็เช่น เชื่อว่าต้องนวดแรง ๆ ดันซิลิโคนในตัวคนไข้ให้เลื่อนที่ไปมา ไม่นิ่งอยู่ที่เดิม จะได้คงสภาพโพรงที่อยู่ของเต้านมเทียม (implant pocket) ไว้กว้าง ๆ แบบที่ทำไว้ตอนผ่าตัด เรามาดูกันว่าจริงแท้แค่ไหน
นวดแรง ๆ ให้เต้านมเทียมเคลื่อนที่ไปมาและรักษาขนาดโพรงที่อยู่ของเต้านมเทียม
ผมเคยทดลองโดยผ่าตัดลงแผลใต้ราวนม เลาะสร้างโพรงสำหรับเป็นที่อยู่ของเต้านมเทียม ยัดเต้านมเทียมเข้าไปวางเรียบร้อย ยังไม่เย็บปิดแผล ทำให้มองเห็นเต้านมเทียมได้ตลอดเวลา แล้วใช้มือตัวเองดันนวดเต้านมสุดแรง ปรากฎว่า เต้านมเทียมไม่เคลื่อนที่เลย ไม่ว่าจะเป็นประเภทที่ผิวเรียบ (smooth surface) และผิวทราย (textured surface) สิ่งที่เคลื่อนที่คือตัวเต้านมคนไข้ แล้วแบบนี้ จะให้เชื่อว่าการนวดนมจะสามารถเคลื่อนย้ายเต้านมเทียมไปทางโน้นทางนี้ได้อย่างไร
พังผืดคืออะไร เกิดจากอะไร นวดแล้วป้องกันพังผืดได้หรือไม่
ในทางการแพทย์ พังผืดคือ fibrous tissue เป็นเนื้อเยื่อใหม่ที่ร่างกายสร้างขึ้น ณ ตำแหน่งของเนื้อเยื่อที่เกิดการบาดเจ็บ ซึ่งเป็นกระบวนการหาย (healing process) ปกติที่มีขึ้นตอบสนองต่อการบาดเจ็บ ภายในพังผืดมีองค์ประกอบหลักคือ คอลลาเจน (collagen fiber) ซึ่งเป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง เป็นโปรตีนที่มีอยู่ทั่วไปหมดในร่างกายเรา เช่น เอ็น หนังแท้ ผนังหลอดเลือด กระดูกอ่อน เป็นต้น วัตถุประสงค์ที่ร่างกายสร้างพังผืดก็เพื่อเกาะยึดเนื้อที่ฉีกขาดไว้ด้วยกัน ไม่ให้แยกฉีกจากกัน ยิ่งเนื้อเยื่อที่ฉีกขาดถูกดึงให้แยกจากกันไม่หยุด ร่างกายยิ่งสร้างพังผืดมากขึ้น ดังจะเห็นได้จากแผลเป็นที่นูนโต (hypertrophic scar) และคีลอยด์ (keloid)
ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหนัง เนื้อของอวัยวะภายใน (เช่น ตับ ไต หัวใจ) หรือกระดูก ถ้ามีการฉีกหรือหักแล้วผ่าตัดเย็บซ่อมหรือนำมาต่อกันใหม่ มีแต่ว่าเราต้องควบคุมให้มันอยู่นิ่ง ๆ ไม่ขยับแยกจากกัน ถึงจะหายได้เร็ว นอกจากนี้ ในทางการแพทย์เราไม่อยากให้มีพังผืดตรงตำแหน่งที่ต่อกันเหลืออยู่เลยเมื่อกระบวนการหายเสร็จสิ้นแล้ว ยิ่งน้อยยิ่งดี แต่ความเป็นจริงคือ พังผืดมันเหลืออยู่อย่างนั้นโดยไม่ได้มีประโยชน์อะไรต่อร่างกายอีก แถมถ้ามีมาก บริเวณนั้นจะแข็ง แถมยังเป็นสิ่งปิดกั้นไม่ให้เลือดไหลหรือซึมผ่าน
อีกกรณีหนึ่งที่ร่างกายสร้างพังผืดขึ้น คือ เพื่อตอบสนองต่อการอักเสบ การอักเสบมีสาเหตุได้หลายอย่าง ในเรื่องการเสริมหน้าอก เลือดที่ตกค้างในโพรงที่อยู่ของเต้านมเทียมทำให้เกิดการอักเสบและกลายเป็นพังผืด เนื้อเยื่อรอบเต้านมเทียมมีปฏิกิริยาเกิดการอักเสบต่อซิลิโคนซึ่งเป็นวัสดุที่ใช้ทำเต้านมเทียม ยิ่งถ้ามีการปนเปื้อนจากเชื้อโรคเข้าไปในโพรงที่อยู่ของเต้านมเทียมด้วย จะยิ่งมีการอักเสบมากแบบเรื้อรัง เกิดพังผืดตามมามากขึ้น ๆ หนาขึ้น ๆ เช่น บรรยากาศที่ไม่สะอาดในห้องผ่าตัดที่จัดตั้งขึ้นแบบไม่ได้มาตรฐาน แค่หาห้องมาติดแอร์ทำเป็นห้องผ่าตัด วัสดุอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ที่ใช้ในการผ่าตัดไม่สะอาดจริง
จะเห็นได้ว่า เมื่อเนื้อเยื่อในหน้าอกถูกผ่าตัดเพื่อใส่เต้านมเทียม (1) มีทั้งการบาดเจ็บเกิดแผลอยู่ภายใน (2) มีการอักเสบต่อซิลิโคนซึ่งเป็นวัสดุที่ใ้ช้ทำเต้านมเทียม (3) มีเลือดตกค้างและกลายไปเป็นพังผืด (4) และยังอาจจะมีการอักเสบต่อเชื้อโรคที่ปนเปื้อนเข้าไป ลำพังการนวดมันจะช่วยกำจัดต้นเหตุของการสร้างพังผืดได้อย่างไร และการนวดมีแต่จะทำให้แผลภายในขยับเขยื้อน ไม่หายสักที ฉีกขาดเพิ่มและกระตุ้นให้มีการหายไม่หยุดหย่อน ยิ่งมีกระบวนการหาย ยิ่งมีการสร้างพังผืดมากขึ้น ยิ่งนวดรุนแรงยิ่งมีการอักเสบมาก ยิ่งมีพังผืดมากขึ้น
การนวดเต้านมมีข้อเสียด้วยซ้ำ
การนวดทำให้เจ็บปวด เสียเวลา และเสียเงิน
หลังผ่าตัดเสริมหน้าอก หลาย ๆ คนบอกว่าเหมือนโดนรถสิบล้อทับ ผมเองเคยได้ยินแบบนั้นเมื่อตอนเริ่มทำงานใหม่ ๆ เมื่อปี 2542 ซึ่งยังใช้วิธีที่เรียนมาจากครูบาอาจารย์สมัยก่อน ลงแผลรักแร้แล้วใช้เครื่องมือแพทย์เป็นเหล็กดุ้นใหญ่สอดเข้าแผล ดันกระแทกจนเกิดโพรงในหน้าอก ถ้าโดนสิบล้อทับมาแล้ว ยังต้องมาโดนนวดกันแบบรุนแรงอีก จะต้องเจ็บปวดทรมานกันน่าดู
และเท่าที่เคยได้ยินมาจากคนไข้ที่เคยได้รับการนวด ทั้งหมดบอกว่าเจ็บมากและโดนนวดแบบรุนแรงมาก เช่น เจ้าหน้าที่คลินิกหรือโรงพยาบาลหรือร้านรับนวดขึ้นขย่มหน้าอกกันเลยทีเดียว และไม่ใช่แค่ทำครั้งเดียว ให้ไปซ้ำกันหลายวันต่อสัปดาห์หลายสัปดาห์ มันเป็นธุรกิจอีกแบบหนึ่งเลย ต้องจ่ายเงินค่านวดกันด้วย
การนวดทำให้นมหย่อนยาน
การที่เนื้อหนังของคนเราห้อยย้อยเมื่อแก่ตัว ส่วนหนึ่งก็เพราะเนื้อหนังมันเกาะยึดกับโครงสร้างที่แข็งแรงและอยู่ลึกลงไปไม่เหนียวแน่นดังเดิม เช่น ผิวหนังและเนื้อเยื่อภายในเต้านมยานยืดหลุดออกจากกล้ามเนื้อหน้าอก (pectoralis major) ที่อยู่ลึกลงไป ผิวหน้าและกล้ามเนื้อใบหน้ายานยืดหลุดออกจากกระดูกใบหน้า หากมีการดันยืดย้ายส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายอย่างรุนแรงแบบต่อเนื่องทุกวัน หลาย ๆ เดือน หลาย ๆ ปี อวัยวะส่วนนั้นก็ต้องยานยืดหลุดออกจากโครงสร้างที่แข็งแรงที่อยู่ลึกลงไป ถ้าเรานวดเต้านมรุนแรง ขยี้ขยำดันให้เคลื่อนไปบนล่างซ้ายขวามาก ๆ และรุนแรง ทำกันทุกวันทั้งวัน หลาย ๆ เดือน หลาย ๆ ปี จะเกิดอะไรขึ้น คงไม่ต้องเสียเงินซื้อบราแล้วครับ นมยานแน่ ๆ
การนวดป้องกันพังผืดรัดจนนมแข็งหรือเป็นก้อนไม่ได้
ถ้าการนวดป้องกันไม่ให้นมแข็งหรือเห็นเป็นก้อนได้ หมอไม่น่าจะมีคนไข้มาผ่าตัดแก้ปัญหานมแข็งหรือเห็นเป็นก้อน เพราะที่ไหน ๆ ที่ก็บอกให้คนไข้นวดนม จากประสบการณ์ที่พบมา คนไข้ที่มาให้แก้ด้วยเรื่องนมแข็งและเห็นเป็นก้อนบอกว่าได้รับการนวดนมหรือถูกสอนให้นวดนมตัวเองกัน 100% ในทางตรงกันข้าม คนไข้ของผมที่ผ่าตัดเสริมเต้านมไปหลายร้อยคนและไม่ได้นวดนม ไม่เคยมีคนไหนกลับมาเพราะนมแข็งเห็นเป็นก้อน










บทสรุปเรื่องนวดนม
ไม่มีข้อพิสูจน์ว่า การนวดนมเกิดประโยชน์ใด ๆ แถมยังมีข้อเสียด้วย อย่าไปเสียเวลาทำเลยครับ